บทเรียน
ในปี 2020 นี้นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ทางด้านเทคโนโลยี เนื่องจากเกิดวิกฤตการณ์การระบาดครั้งใหญ่ที่แทบเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนทั้งโลก เรียกได้ว่า กำแพงของโลกแห่งความเป็นจริงถูกบีบให้เล็กลงเนื่องจากคนไม่สามารถออกไปไหนได้ ในขณะที่ประตูของโลกดิจิทัลหรือโลกเสมือนกลับเปิดกว้างขึ้น เชื้อเชิญกึ่งบังคับให้หลายคนที่ไม่กล้าทำความรู้จักได้ลิ้มลอง และเป็นขณะเดียวกันที่เทคโนโลยีเติบโตและพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มีหนึ่งเทคโนโลยีที่พยายามจะเชื่อมประสบการณ์ระหว่างโลกดิจิทัลกับโลกจริงมากขึ้น นั่นก็คือ AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) นั่นเอง
ก่อนอื่นต้องขออธิบายให้ท่านผู้อ่านทราบก่อนว่า AR และ VR คืออะไร
AR (Augmented Reality) คือเทคโนโลยีที่นำวัตถุดิจิทัล 3 มิติมาจำลองเข้าสู้โลกจริง โดยผ่านการประมวลผลของ software แต่ผู้ใช้งานต้องใช้งาน hardware ซึ่งอาจเป็นแว่นตา จอภาพ หรือมือถือในการที่จะมองเห็นเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบขึ้น ยกตัวอย่างให้ชัดคือเกม Pokémon Go ที่เราสามาถเดินหาโปเกมอนในโลกแห่งความเป็นจริงได้นั่นเอง
VR (Virtual Reality) คือเทคโนโลยีที่จำลองสถานที่ขึ้นมาเป็นโลกเสมือน โดยส่วนมากเน้นที่การมองเห็นโดยผู้ใช้สามารถตอบโต้กับสถานที่หรือสิ่งแวดล้อมที่จำลองขึ้นมา โดยสัมผัสประสบการณ์ผ่านอุปกรณ์ที่ทำขึ้นมาเฉพาะเช่น แว่นตา ถุงมือ รองเท้า หรืออาจเป็นห้อง 1 ห้องเลยก็ได้ยกตัวอย่างเช่น เกมที่จำลองการผ่าตัดโดยที่เรามีเกมคอนโซลเป็นมีดผ่าตัด หรือแว่นที่ใส่เพื่อจำลองการตกแต่งห้องเพื่อให้ผู้ใช้เทคโนโลยีสามารถสัมผัสประสบการณ์กับวัตถุต่าง ๆ ได้เหมือนจริงขึ้นแทนที่จะไปดูสถานที่จริงได้
กล่าวง่าย ๆ ก็คือ AR เป็นการจำลองวัตถุดิจิทัลเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง แต่ VR คือการจำลองโลกเสมือนที่แยกจากโลกแห่งความเป็นจริงแต่ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสประกบการณ์ในโลกเสมือนนั้นได้เหมือนโลกจริงนั่นเอง
หากเข้าใจความแตกต่างระหว่าง AR และ VR กันแล้ว เราไปดูเทรนด์ของเทคโนโลยีทั้งสองในปี 2020 กันดีกว่า
- เกมและความบันเทิง
อย่างที่ยกตัวอย่างไปข้างต้นคือเกม Pokémon Go ที่สานฝันให้คนทั่วโลกที่หลงใหลในตัวการ์ตูนเหล่านี้ได้เป็นเจ้าของและได้เดินหาเหมือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแอนิเมชันเรื่องดังกล่าว นอกจากจะสร้างประสบการณ์เสมือนเราได้เข้าไปเป็นตัวละครหนึ่งในเรื่องแล้ว ยังมีการคาดการณ์ว่าในสิ้นปี 2020 นี้อุตสาหกรรมเกม AR จะสร้างรายได้ถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (เป็นเงินไทยประมาณเกือบ 7 แสนล้านบาท) นอกจากเกมแล้วเริ่มมีการพัฒนาการเดทผ่าน AR ขึ้นแล้ว
- E-commerce and Retail
AR จะเข้ามามีบทบาทในการเสริมสร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานสามารถมีปฏิสัมพันธ์หรือสัมผัสกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้มากขึ้นมากกว่าเพียงมองเห็นภาพของสินค้าเพียงมิติเดียว ยกตัวอย่างเช่นแอปพลิเคชันของ IKEA ที่ทำให้ลูกค้าจำลองห้องของตนเองและวางเฟอร์นิเจอร์ในตำแหน่งต่าง ๆ ตามอัตราส่วนจริง ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้เองบริษัท Alibaba เริ่มทดสอบระบบ VR Pay เพื่อขายสินค้าผ่านร้านค้าผ่านระบบ Virtual ซึ่งลูกค้าจะรู้สึกเหมือนได้เดินเข้าไปจับจ่ายสินค้าในร้านค้าจริง มองเห็นสินค้าเสมือนจริง และลดความน่าเบื่อในการซื้อขายพร้อมกับให้ความสนุกสนานไปในตัวได้เช่นกัน
- การออกแบบทั้งสถาปัตยกรรมภายใน ภูมิสถาปัตยกรรม และผังเมือง
จากตัวอย่างของ IKEA นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนการตัดสินใจในการเลือกสินค้าได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อนักออกแบบเช่นกันเพราะสามารถกะขนาดหรือเปลี่ยนสี เปลี่ยนดีไซน์ของงานออกแบบของตนเองได้ก่อนจะนำไปผลิตจริง นอกจากนี้หากนำเทคโนโลยี AR หรือ VR เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลเรื่องผังเมืองก็จะสามารถสร้างเมืองจำลองขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้นซึ่งจะช่วยให้การออกแบบด้านผังเมืองและภูมิสถาปัตยกรรมออกแบบพื้นที่ได้ง่ายขึ้น และปรับเข้าสู่บริบทจริงได้ง่ายขึ้น
- การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และที่ดิน
มีส่วนคล้ายกับการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรมในข้อที่ 3. เพราะในเมื่อเราสามารถมองเห็นสถานที่จริง (ในโลกเสมือน) และสามารถโต้ตอบกับองค์ประกอบต่าง ๆ ได้ย่อมมีผลต่อการตัดสอนใจในการซื้อขายที่ดินมากขึ้นเป็นอย่างแน่นอน
- ทัวร์และการท่องเที่ยว
เทคโนโลยีนี้เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น โดยจำลองสถานที่จริงให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงสถานที่จริงได้ผ่านการจำลองภาพ และยังเสริมประสิทธิภาพในการเดินทางจริงและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย เทคโนโลยีที่ทุกคนรู้จักกันดีมากที่สุดคือ Google Street View ซึ่งทราบมาว่าเราสามารถใช้ Google Street View เพื่อเข้าขมการจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์หรือห้องจัดแสดงภาพบางแห่งได้แล้ว
- การศึกษา
ในด้านการศึกษานั้น เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการเป็น simulation ในเนื้อหาที่อาจต้องมีการใช้อุปกรณ์หรือให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์จริงแต่ปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่นการจำลองภาพอวัยวะภายในสำหรับนักศึกษาแพทย์ที่ต้องเรียนรู้ในเชิงลึก หรือแม้กระทั่งการศึกษาประวัติศาสตร์ผ่านการจำลองสภาพสังคมเป็นต้น
- สาธารณสุข
เทคโนโลยี VR มีประโยชน์อย่างมากในการสร้างแบบจำลองอวัยวะภายใน เพื่อให้สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำขึ้นหากเกิดปัญหาในบางตำแหน่งที่เข้าถึงยาก ทั้งนี้ในเชิงสุขภาพจิตก็ยังสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้โดยจำลองสถานการณ์ให้หมอสามารถวินิจฉัยผู้ที่ป่วยเป็นซึมเศร้า หวาดระแวง PTSD ออทิสติกหรืออาการอื่น ๆ ได้
- การวางแผนหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน (Emergency Management)
AR หรือ VR สามารถเข้ามามีบทบาทในการจำลองสถานที่และสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันที่มีความรุนแรงหรืออาจไม่ได้เกิดขึ้นได้ทั่วไป เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ตระหนักถึงความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นรวมถึงช่วยในการเตรียมพร้อมหากจะมีการป้องกันภัย การลี้ภัย หรือวิธีข้อจำกัดต่าง ๆที่อาจพบขณะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
AR และ VR ไม่ได้ถูกพัฒนาเพียงเพื่อให้ประสบการณ์ในการท่องโลกของข้อมูลสะดวกสบายหรือแปลกใหม่มากขึ้น แต่ยังเข้ามาช่วยในเรื่องของการศึกษา การใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าที่ผู้ใช้งานอาจประสบกับตัวเองได้ แทบจะเรียกได้ว่าเทคโนโลยี AR และ VR นั้นเข้ามามีบทบาทอย่างมาก และในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะมีอีกหลากหลายนวัตกรรมที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงเหล่านี้ให้เราได้ติดตามกันอย่างแน่นอน
โดย ปกรณ์ นาวาจะ
Source:
https://www.cloudhm.co.th/community/blog/ar-vs-vr/
https://onix-systems.com/blog/top-10-applications-of-ar-and-vr-in-business
https://datasmart.ash.harvard.edu/news/article/9-potential-applications-ar-and-vr-technology#:~:text=Using%20AR%20and%20VR%2C%20teachers,unfamiliar%20parts%20of%20the%20globe.&text=AR%20and%20VR%20training%20programs,the%20variables%20they%20might%20encounter.
https://internetofbusiness.com/alibaba-vr-pay-virtual-reality