Silicon Valley แห่งเอเชีย Shenzhen

นิสิต นักศึกษา ในช่วงสอบกลางภาคหรือว่าสอบปลายภาค หรือแม้แต่มนุษย์ทำงานดึกต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีกับ Too Fast Too Sleep คาเฟ่ 24 ชั่วโมงที่อยู่ได้จนสว่างคาตา มีคาเฟ่ไม่กี่แห่งที่ใช้ระบบ cashless หรือสังคมไร้เงินสดอย่างจริงจัง จนบางครั้งเราเองก็ปรับตัวไม่ทัน นี่เป็นแค่สถานที่เล็ก ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดก็อยู่ได้ แต่หากเดินออกมาจากร้านเราก็ต้องใช้เงินสดจ่ายให้กับแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์อยู่ดี หมายความว่าสสุดท้ายกระเป๋าเงินของเราก็ต้องมีธนบัตรหรือเหรียญติดมาอยู่บ้าง

แต่หากเป็นที่ มณฑลเซินเจิ้น ประเทศจีน มีแค่มือถือเครื่องเดียวที่มีอินเทอรืเน็ตและมี e-banking (สำคัญต้องมีเงินในบัญชีด้วย) ก็สามารถอยู่ได้แล้วโดยไม่ต้องพกธนบัตรหรือเหรียญให้หนักกระเป๋าหรือกลัวถูกโจรกรรม เรียกได้ว่าเป็น cashless society ที่แท้จริง 

ในขณะที่คนไทยบางกลุ่มยังพูดถึงเซินเจิ้นว่าเป็นเมืองที่ผลิตของก็อปปี้ออกมานับร้อยนับพันชนิด แต่ในความเป็นจริงแล้วเซินเจิ้นไปไกลกว่าที่เราคิดมาก เพราะธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมซึ่งได้แก่ อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีชีวกการแพทย์ และ โทรคมนาคม คิดเป็นร้อยละ 40 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจเลยทีเดียว กล่าวได้ว่าเซินเจิ้นเป็นเมืองหนึ่งที่นักลงทุนเห็นถึงกำลังผลิตด้านนวัตกรรมจนถูกเปรียบเทียบเป็น Silicon Valley แห่งเอเชียเลยทีเดียว

“ถ้าอยากจะสร้าง hardware ทุกคนล้วนึกถึงเซินเจิ้น” Cyril Ebersweiler ผู้ก่อตั้ง HAXL8R กล่าว

จาก hardware สู่ software

เซินเจิ้นเป็นเมืองท่าสำคัญแห่งหนึ่งที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกล้าที่จะไปปักหลักลงทุนกับการพัฒนาธุรกิจต่าง ๆ จนทำให้เซินเจิ้นกลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ โดยความพิเศษของพื้นที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นเมืองท่าที่ได้เปรียบเรื่องของภูมิศาสตร์เชิงธุรกิจอยู่แล้ว ยังพิเศษในเรื่องโรงงานและกำลังในการผลิตฮาร์ดแวร์รายน้อยใหญ่อาจจริงที่เซินเจิ้นเริ่มต้นจากการลอกเลียนแบบต้นฉบับ แต่ในปัจจุบันก็สามารถพัฒนาการออกแบบของตนเองได้ ซึ่งได้เปรียบกว่าการผลิตที่อื่นเพราะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและใช้เวลาในการผลิตน้อยกว่า และด้วยความพร้อมนี้เองจึงนำมาสู่กระแสของการแข่งขันหรือบรรยากาศของการพัฒนาธุรกิจด้านซอฟต์แวร์ด้วยนั่นเอง

ทำไมเซินเจิ้นถึงดึงดูดนวัตกรรม จนถูกขนานนามว่าเป็นอีกหนึ่ง Silicon Valley ?

เราได้รวบรวมเหตุผลต่าง ๆ ไว้ดังนี้

1. ทิศทางของธุรกิจ IT

เปรียบเทียบกับกวางตุ้ง ฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งเป็นบ้านของธุรกิจ IT เจ้าใหญ่หลากหลายเจ้า เช่น Huawei หรือ Tencent เป็นต้น ทำให้ SME หรือแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ต้องการาแย่งส่วนแบ่งทางตลาดต่างเติบโตได้ยาก ในขณะที่เซินเจิ้นพร้อมเป็นอย่างมากด้วยกำลังผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ราคาถูก และรวดเร็ว จึงเหมาะสำหรับการตั้งไข่สำหรับ SME และธุรกิจ IT ที่อยากขยายตลาดใหม่

2. การพัฒนาด้านอุตสาหกรรม

นักวิเคราะห์มองว่าเซินเจิ้นและกวางโจวมีความโดดเด่นด้านการผลิตฮาร์ดแวร์ซึ่งเป็นเรื่องดีหากจะจับมือกับเมืองที่ถนัดด้านอื่นเช่นฮ่องกง และมาเก๊าที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยีการเงิน (Financial Technology) และมีงานวิจัยด้านนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่หลากหลาย กล่าวคือมีแนวโน้มในการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่อาจสร้างประโยชน์มหาศาลหากเกิดความร่วมมือดังกล่าวขึ้นได้

3. นวัตกรรมด้านการเงิน

หากพูดถึง FinTech ต้องพูดถึง กวางตุ้ง ฮ่องกง และมาเก๊า ที่มีการแข่งขันและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเงินอยู่อย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่พบว่ามีสตาร์ทอัพด้านนี้กว่า 200 เจ้าที่เริ่มต้นในปี 2018 ในขณะเดียวกันหันกลับมามองกวางโจวและหนานซาซึ่งกำลังพัฒนาตัวเองกลับเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทด้านการเงินกว่า 4,000 เจ้า หากกลับมามองเซินเจิ้นซึ่งมีความโดดเด่นด้านการดึงดูดนวัตกร นักลงทุน และนักธุรกิจอยู่แล้ว คงจะมีโอกาสอยู่ไม่น้อยเลยที่ธุรกิจด้านนี้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว

4. งานวิจัย

จากที่กล่าวมาก็จะเห็นได้ว่าจีน โดยเฉพาะเซินเจิ้นกำลังก้าวเข้าสู่เมืองที่ทุกย่างก้าวกำลังจะเป็นข้อมูล แต่กระนั้นเองทางจีนก็ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาและวิจัยเกี่ยวกับข้อมูลมหาศาลที่วิ่งเล่นกระจัดกระจายอยู่ในการใช้ชีวิตของประชาชน ฉะนั้นจึงมีงานวิจัยที่ค่อนข้างมากและอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่จะเข้ามาแสวงหาประโยชน์หรือทำธุรกิจในเมืองแห่งนี้

5. เทคโนโลยีด้านชีวการแพทย์

เป็นที่กล่าวถึงกันมากขึ้นเกี่ยวกับ Biomedical Technology ในปีที่ผ่านมาเมืองใหญ่ที่มีการแข่งขันสูงด้านเทคโนโลยีอย่างกวางตุ้ง ฮ่องกง และ มาเก๊า ได้เริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีชีวการแพทย์ แน่นอนว่าเมืองที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งอย่างเซินเจิ้นย่อมมองเห็นโอกาสนี้แน่นอน จึงเป็นข้อได้เปรียบหากจงลงหาสำรวจตลาดหรือเริ่มธุรกิจด้านนี้ เพราะนอกจากจะเป็นเทรน์ของโลกแล้วเทคโนโลลยีชีวการแพทย์ยังเป็นเรื่องที่ถูกมงว่าเป็นความจำเป็นในอนาคตอีกด้วย

6. Startup

ระหว่างปี 2013-2018 มีสตาร์ทอัพที่เติบโตในจีนเซินเจิ้นคอนข้างมาก และหลายเจ้าก็เข้าสู่ระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีการจัดแข่งขันสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอยู่อีกบ่อยครั้งต่อปี ฉะนั้นไม่แปลกที่เซินเจ้นจะดึงดูดนวัตกรที่มีไอเดียเข้ามาประชันความคิดสร้างสันกันบนสังเวียนที่สามารถผลักผู้ชนะไปสู่เวทีโลกได้

น่าจะคลายความสงสัยกันไปได้บ้างแล้วว่าทำไมเซินเจิ้นถึงถูกขนานนามว่าเป็น Silicon Valley แห่งเอเชีย นั่นก็เพราะว่ามีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วแม้จะเริ่มจากการเป็นแหล่งการผลิตฮาร์ดแร์ระดับโลก แต่ในปัจจุบันนั้นก็ได้ดึงดูดนักธุรกิจสายเทคฯเข้ามาอย่างมากมาย ทำให้เราสามารถคาดเดาแนวโน้มในการเจริญเติบโตในอนาคตของเซินเจิ้นได้ชัดเจนขึ้นไปอีก นอกจากนี้การประกาศว่าตนเองเป็น Cashless Society อย่างเต็มตัวก็เป็นหลักฐานหนึ่งว่าเซินเจิ้นพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าต่อโดยไม่มีอะไรมากั้น สุดท้ายอาจกลายเป็นว่าจีนพลิกกลับขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกในด้านเทคโนโลยีก็เป็นได้

โดย ปกรณ์ นาวาจะ

Source:
https://medium.com/wonk-bridge/shenzhen-the-tech-capital-of-the-world-7b1a0469c39f
https://techsauce.co/pr-news/techcrunch-shenzhen-navigating-the-greater-bay-ar

Write a comment